ดินแดนล้านนาผู้คนรับประทานข้าวเหนียวกันในชีวิตประจําวัน ในการทําข้าวให้สุกต้องใช้หม้อหนึ้งและไห ข้าวมาทําการหนึ้งข้าว ขั้นตอนการหนึ้งข้าวต้องก่อไฟในเตาไฟเสร็จแล้วนําหม้อหนึ้งอาจเป็นหม้อดินหรือโลหะก็ได้ขึ้นตั้งบน ก้อนเส้า นําไหข้าววางบนปากหม้อหนึ้งให้ตรงนําเอาผ้าเศษยาวๆมาพันปากหม้อหนึ้งให้สนิทกับก้นไหกัน ไอน้ําผุดออก นําข้าวสารใส่ลงในไหแล้วนําผาชีปิดปากไหรอจนข้าวสุกจึงปลดไหเทข้าวหนึ้งสุกแล้วลง ในกัวะ(ภาชนะแบนผึ่งข้าวให้เย็น)ทํากานําไม้ด้ามข้าว แบ่งแยกก้อนข้าวหนึ้งร้อนๆออกเป็นส่วนๆเพื่อ ระบายไอร้อนออกจากก้อนข้าวหนึ้งสุกใหม่ๆ แล้วนําข้าวใส่ก่องข้าวเก็บไว้รับประทาน
รูปภาพจาก http://pantip.com/topic/30853343
เครื่องครัวที่เป็นหม้อหนึ้ง ไหข้าวนั้เองถือกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่ต้องบํารุงรักษา เมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติ ในบ้านเรือน เจ้าของเรือนจะไปขอแม่หมอมาทําการลงผีย่าหม้อหนึ้ง โดยการนําไม้ท่อนเล็กๆยาวประมาณ ศอกกว่าๆมาผูกมัดสมมุติเป็นแขนของไหแล้วนําเสื้อของเจ้าของบ้านมาสวมที่แขนไม้ถือว่าเป็นย่าหม้อหนึ้ง เครื่องบูชามีสวย(กรวย)ดอกไม้ธูปเทียน กระโด้งใส่ข้าวสารประมาณหนึ่งลิตร เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วแม่ หมอและผู้ช่วยช่วยกันจับก้นไหยกก้นไหขึ้น ไหหม้อหนึ้งจะแกว่งไปมาโดยพลังของผีย่าหม้อหนึ้งโดยที่มือ แม่หมอและผู้ช่วยคอยประคองถือว่าผีย่าหม้อหนึ้งได้เข้าทรงไหแล้ว
ผู้คนทั้งหลายจะตั้งคําถามว่าเหตุใดคนในบ้านจึงป่วย ผีย่าหม้อหนึ้งจะเอามือด้านใดด้านหนึ่งเขี่ยข้าวสาร
และสวยดอกไปมาเป็นสัญญลักษณ์ให้แม่หมอแปลความหมาย แล้วบอกให้ผู้คนในบ้านทราบ เป็นการถาม
เมื่อ(หมอดู)จากผีปู่ย่า คําถามอาจมีหลากหลายประเด็นแล้วแต่ผู้คนจะถาม เมื่อลงผีหม้อหนึ้งเสร็จแม่หมอ
และผู้ช่วยก็จะวางไหลง ปลดเสื้อผ้าและแขนไม้ออกถือว่าเป็นเสร็จพิธี
การลงผีหม้อหนึ้งถือว่าในห้องเตาไฟ(ห้องครัว)มีผีวิญญาณมากมายเพราะเป็นที่นําซากสัตว์ใหญ่น้อยมา
ทําอาหารไม่ว่าซากวัว ควาย เป็ดไก่ ตลอดจนปลากุ้งหอย วิญญาณสัตว์เหล่านี้ย่อมหวงแหนร่างกายของตน
ที่ต้องมาเสียชีวิตสังเวยผู้คนในครัวไฟ ขณะเดียวกันหม้อหนึ้งไหข้าวเป็นอุปกรณ์ที่ให้คุณค่าหนึ้งข้าวเลี่ยง
ผู้คนในบ้านเรือนผู้คนจึงเชื่อกันว่าในครัวไฟจึงมีจิตวิญญาณหลากหลายผูกพันช่วยกันรักษาครัวไฟและชีวิต
ผู้คนในบ้านเรือนนั้นๆ ทุกมื้อที่คนในครอบครัวร่วมกันรับประทานอาหารผู้ใหญ่ในวงอาหารจะถือโอกาส
สั่งสอนให้คติเตือนใจในวงขันข้าวเช่น บ่ดีกิ๋นบกจ้กลง (อย่าล้วงเอาข้าวกลางก่องขึ้นมากินก่อนข้าวที่อยู่ริม
ผนังก่องข้าว) เพราะเม็ดข้าวที่ติดผนังก่องข้าวจะแข็งไม่มีใครเอามากินก็แคะทิ้งไปเสียประโยชน์เสียข้าว
สุก เป็นต้น
ผีย่าหม้อหนึ้งปัจจุบันไม่ค่อยจะมีบทบาทในชีวิตประจําวันของผู้คนสมัยใหม่เพราะบางบ้านไม่มีการหนึ้ง
ข้าว ลูกหลานไปหากินถิ่นไกล ผีย่างหม้อหนึ้งก็ไปไม่ถึงเพราะต้องอยู่เฝ้าเตาไฟ ผู้คนญาติผู้ใหญ่จึงขาด
โอกาสสั่งสอนลูกหลาน
ที่จริงรายละเอียดเกี่ยวกับผีหม้อหนึ้งยังมีอีกมาก ผีย่าหม้อหนึ้งบางแห่งบางถิ่นอาจต่างกันไปตามท้องถิ่น
เท่าที่เล่ามาเพียงเพื่อให้ผู้คนได้อ่านได้สืบสานตํานานผีล้านนา
ที่มา: นิคม พรหมมาเทพย