~+[ฮาคนเมือง(ฮักตี้จะอู้กำเมือง)]+~

Random Posts

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

โศกนาฏกรรมรัก เจ้าชายในรัชกาลที่ 5 กับ ธิดาจากเชียงใหม่สิริโฉมงาม

0 comments


จากภาพด้านขวาคือ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ รัชกาลที่6พระราชทานกรมเป็น "กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี"(วงกรมสีแดง) และวังที่ประทับซึ่งปัจจุบันอยู่ความดูแลของการไฟฟ้านครหลวงศรีย่าน

ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่ยากเกินจะคาดเดาถึงสาเหตุที่แท้จริง โศกนาฏกรรมนี้เกิดขึ้นกับเจ้าชายพระองค์หนึ่ง พระนามว่า พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้า“ดิลกนพรัฐ” ผู้เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ประสูติจากเจ้าหญิงทิพเกษร ณ เชียงใหม่ ผู้มีเชื้อสายมาจากราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ จึงทำให้พระองค์เจ้าดิลกฯได้ชื่อว่า “เจ้าชายเลือด 2 ราชวงศ์” เมื่อพระชันษาครบ 13 ปี พระองค์ได้เสด็จไปศึกษายังประเทศเยอรมัน โดยเลือกศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ จนในที่สุดพระองค์ก็สำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิต ยังทรงเป็นคนไทยคนแรกที่จบในสาขานี้ และเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่จบการศึกษาในระดับปริญญาเอกอีกด้วย

ในปีพ.ศ.2450 พระองค์เสด็จกลับประเทศไทย และเข้ารับราชการทันทีในกระทรวงมหาดไทย ต่อมาอีกไม่กี่ปีก็เสกสมรสกับเจ้าหญิงศิริมา ณ เชียงใหม่ ผู้เป็นพระญาติทางมารดาของพระองค์ และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขที่วังแถวถนนนครไชยศรีอันเป็นเรือนหอ เล่ากันว่าเจ้าหญิงจากนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ผู้นี้มีสิริโฉมงามยิ่งนัก พระองค์เจ้าดิลกฯทรงรักชายามากถึงกับมิยอมรับใครมาเป็นหม่อม(เมียรอง เมียน้อย) ทั้งสองร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาได้ไม่กี่ปียังไม่ทันมีโอรส-ธิดามาเชยชม

แต่แล้วไม่นานหลังจากนั้นใครจะรู้ว่าชีวิตคู่อันมีความสุขนี้จะเดินทางมาพบเจอกับเหตุการณ์ที่เรียกว่า "จุดพลิกผันของชีวิตคู่" เมื่อเจ้าหญิงศิริมาผู้เป็นชายาทรงเป็นตะคริวในขณะลงเล่นน้ำและจมน้ำเสียชีวิตที่สระภายในพระราชวังดุสิต พระองค์เจ้าดิลกฯผู้เป็นสวามีทรงเสียพระทัยอย่างมิอาจจะหักห้ามได้ หนำซ้ำพระโรคเกี่ยวกับเส้นประสาทยังมากำเริบอีก เท่านี้ยังไม่พอยังเป็นจังหวะเดียวกับงานที่กระทรวงมามีปัญหาไม่เป็นไปดั่งใจหมาย จึงทำให้ปัญหาต่างๆเริ่มสั่งสมเป็นความเครียด ทรงเก็บพระองค์อยู่เงียบๆปราศจากคู่คิดที่คอยอยู่เคียงข้างกันมาอย่างแต่ก่อน ในที่สุดพระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยปลงพระชนม์ของพระองค์เองโดยใช้พระแสงปืนยิงเข้ากลางขมับจนสิ้นพระชนม์ รวมพระชันษาเพียง 27 ปีเท่านั้น เล่ากันว่าเสียงปืนดังก้องออกไปจนถึงประตูใหญ่หน้าตำหนัก ปิดฉากตำนานรักและปิดตายเรือนหอครองคู่นี้แต่นั้นเป็นต้นมา


จากภาพด้านซ้ายคือ สระน้ำแห่งหนึ่งในพระราชวังดุสิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น