ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ครั้งหนึ่งในหลวงโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการของเชียงใหม่และอธิบดีจากกรุงเทพฯ เข้าร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารค่ำด้วยหกเจ็ดคน ...ทุกคนนั่งตัวแข็ง
เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยมีบุญได้ร่วมโต๊ะเสวยนี้เป็นครั้งแรก จะหยิบจับอะไรก็กลัวจะพลาด ต่างคอยเหลือบชำเลืองมองคนโน้นทีคนนี้ที
โดยท่านอธิบดีจากกรุงเทพฯ ถูกมองมากกว่าเพื่อน อาศัยที่เคยเฝ้าแหนมาหลายหนแล้ว ทุกคนจึงคอยดู...หวังจะยึดเป็นที่พึ่ง
อาหารวันนั้น มีแคบหมู ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองของเชียงใหม่วางรวมกับอาหารอื่นๆ เช่นปลาทอด เปรี้ยวหวาน และแกงจืด
..ซึ่งทุกคนไม่กล้าแตะแคบหมู เพราะกลัวว่าจะรับประทานไม่เรียบร้อย ทั้งๆ ที่ตัวเองเคยชอบ เวลาอยู่บ้านละก็ แคบหมูนี่ของโปรดเลยเชียว
...แต่วันนี้ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ
“ในหลวง” ทรงทราบดี ว่า ผู้ร่วมโต๊ะเสวยกำลังคิดอะไรอยู่....จึงทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปทรงหยิบแคบหมู แล้วก็ใส่พระโอษฐ์และเคี้ยวกรอบๆ
พลางรับสั่งว่า... “แคบหมูใหม่ๆ นี่กรอบดี..ไม่ลองกันบ้างหรือ?.. ”
พอได้ไฟเขียวเช่นนั้น อธิบดีก็ค่อยมีกำลังใจ หยิบมาเคี้ยวกร้วมๆ บ้าง
แล้วปลัดจังหวัดก็เอื้อมมือไปหยิบตามอีกคน
เรื่องนี้ปลัดจังหวัด เป็นคนเก็บมาเล่าให้ลูกเมียฟัง ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
เล่าว่า “ในหลวงทรงมีฮิวเมอร์ (พระอารมณ์ขัน Humor) มาก... ทรงทราบดีว่าพวกเราไม่กล้าเอามือหยิบ
...การจะกินแคบหมูนี่มันกินด้วยช้อนส้อมลำบากจะตาย ยอมอดซะดีกว่า.....ทุกคนเลยไม่กล้าแตะ
เอาแต่ตักแกงจืดอยู่นั่นแล้ว ..วิดแล้ว..วิดอีก....วิดเสียจนแห้งขอด...”
ไม่มีใครสักคนจะกล้าแตะแคบหมู....ของชอบ
.............................
ที่มา : เพจตามรอยพ่อ
~+[ฮาคนเมือง(ฮักตี้จะอู้กำเมือง)]+~